ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
มีสูตรโมเลกุลคือ CO ก๊าซนี้เป็นก๊าซที่ไม่มีสี กลิ่น และรส
เราจึงไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าในอากาศมีก๊าซนี้แทรกตัวอยู่
ด้วยคุณสมบัตินี้จึงทำให้มีคนได้รับอันตรายโดยไม่รู้ตัว
ก๊าซนี้เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารประกอบคาร์บอน
ดังนั้นปริมาณการใช้เชื้อเพลิงและการเผาไหม้เชื้อเพลิงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
ก๊าซนี้มีคุณสมบัติเป็นก๊าซเฉื่อยในสภาพอุณหภูมิและความกดดันอากาศปกติ
แต่ไวต่อปฏิกิริยาที่อุณหภูมิสูง
ก๊าซ CO ได้รับฉายาว่าเป็น "นักปลิดชีพเงียบ" (Silent Killer) ในประเทศที่มีการใช้เชื้อเพลิงเป็นจำนวนมากและมีการเผาไหม้เชื้อเพลิง
เช่นในประเทศที่มีสภาวะอากาศหนาวเย็น ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องทำความร้อน เพื่อปรับอุณหภูมิภายในอาคาร
และการใช้เชื้อเพลิงหุงต้มภายในบ้าน และถ้ามีการระบายอากาศที่ไม่ดี
หรือถ้าไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอันตรายแก่คนได้ ในต่างประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น
โดยเฉพาะประเทศในยุโรปและอเมริกา
ได้แนะนำให้มีการติดตั้งเครื่องวัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
ไว้ในอาคารบ้านเรือนเพื่อเป็นสัญญาญเตือนความเสี่ยงในประเทศที่มีการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพอันเนื่องมาจากก๊าซนี้
จะพบรายงานผู้ได้รับผลกระทบแบบไม่รู้ตัวและแบบตั้งใจ
ในประเทศไทยถึงแม้ว่าจะไม่มีการเก็บสถิติการได้รับอันตรายจากก๊าซนี้
แต่คาดว่าจะมีผู้ได้รับสัมผัสก๊าซนี้ไม่น้อยเช่นกัน
เพราะในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันมีการใช้หรือเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ใช้เชื้อเพลิง
เช่นการคมนาคม การหุงต้มอาหาร กิจกรรมการเผาต่าง ๆ เช่นการเผาขยะ การเผาไร่
การเผาเศษวัสดุ การสูบบุหรี่ โดยรวมแล้ว การหุงต้มภายในอาคาร
ยกเว้นการหุงต้มโดยใช้ไฟฟ้า และการสูบบุหรี่ภายในอาคาร
เป็นแหล่งกำเนิดก๊าซนี้และการรับสัมผัสภายในอาคารที่สำคัญ
ถึงแม้ว่าปริมาณและความเข้มข้นของก๊าซนี้จะน้อยกว่าแหล่งกำเนิดอื่น ๆ
แต่ก็มีความสำคัญเพราะอาคารที่มีการระบายอากาศ
และการถ่ายเทอากาศไม่ดีเท่าภายนอกอาคาร
ดังนั้นจะมีอากาศที่มาเจือจางก๊าซนี้จำนวนน้อย อาจทำให้ระดับก๊าซนี้ในห้องครัว
ห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ผลกระทบต่อสุขภาพ
ก๊าซนี้จะไปทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน
โดยไปลดความสามารถในการขนส่งออกซิเจนของเลือด ทำให้สมองที่ต้องการออกซิเจนมากทำงานได้ไม่เต็มที่
ทำให้หัวใจและหลอดเลือดต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อเพิ่มการส่งโลหิตไปเลี้ยงทั่วร่างกายเพื่อชดเชยกับปริมาณออกซิเจนในเลือดที่ต่ำลง
นอกจากนี้หัวใจเองก็ได้ออกซิเจนไปเลี้ยงน้อยลง ดังนั้นถ้าร่างกายได้รับก๊าซนี้ในปริมาณมากจะทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ทันที
นอกจากนี้การศึกษาในต่างประเทศพบว่าก๊าซนี้จะทำให้สมองทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ความเร็วในการตัดสินใจและความตื่นตัวของผู้ขับขี่ช้าลง
และยังพบว่าก๊าซนี้เกี่ยวข้องกับหรือมีส่วนทำให้เกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

ภาพจำลองการจับเซลล์เม็ดเลือดแดงของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
ในขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีรายงานการเก็บสถิติผู้ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากก๊าซนี้
ในประเทศที่มีการศึกษาวิจัยผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากก๊าซนี้พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วในวันที่ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้น
10 มคก./ลบ.ม. จะมีคนเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอันเนื่องมาจากการเจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ
10-37 ทำให้มีการตายรายวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-11 การตรวจวัดปริมาณก๊าซนี้ในเลือดเป็นวิธีที่แม่นยำและให้ผลทางการแพทย์ที่แน่นอน
ปัจจุบันนี้การตรวจวัดระดับก๊าซนี้จากลมหายใจเป็นวิธีที่สะดวกและให้ผลแม่นยำสูงเช่นกัน
ค่าความเข้มข้นมาตรฐานของก๊าซคาร์บอน-มอนนอกไซด์ที่คนทั่วไปหายใจ 8 ชั่วโมง โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเท่ากับ
9 ส่วนในล้านส่วนและถ้าคิดเป็นค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงต้องไม่เกิน
30 ส่วนในล้านส่วน
ระดับก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซต์
จากการตรวจวัดระดับก๊าซนี้ในบรรยากาศโดยทั่วไปจากสถานีตรวจวัดในเขตกรุงเทพมหานคร
และปริมณฑล รวมทั้งเขตเมืองในต่างจังหวัดในปี 2553 พบว่าระดับก๊าซนี้ยังไม่สูงเกินมาตรฐาน
หากแต่ว่าในปัจจุบันนี้ประชาชนในเขตเมืองมีการใช้ปริมาณเชื้อเพลิงจำนวนมาก
ลักษณะอาคารและที่อยู่อาศัยหลายแห่งเป็นตึกและบางส่วนก็อยู่ชั้นใต้ดิน อาคารในเขตเมืองมีการใช้บริเวณสถานจอดรถโดยเฉพาะในบริเวณสถานจอดรถภายในอาคาร
(ENCLOSED CAR PARK) เพื่อประกอบกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ สถานที่เหล่านี้ต้องมีการระบายอากาศที่เพียงพอ
เนื่องจากบริเวณสถานจอดรถมีความแปรผันและมีความเสี่ยงสูงในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
วิธีป้องกัน
ปริมาณการรับสัมผัสก๊าซนี้ขึ้นอยู่กับ
ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเรา ระยะเวลาการสัมผัส ความถี่ในการหายใจเช่นในขณะออกกำลังกาย
บุคคลที่ทำงานสาธารณะ เช่นจราจรขณะปฏิบัติงานบนท้องถนน ผู้ประกอบอาชีพค้าขาย คนทำความสะอาดถนน
เป็นต้น


วีธีการหลีกเลี่ยงการรับสัมผัสก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
- พยายามอยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ ไม่อยู่ในบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น
- ไม่ควรออกกำลังกายในบริเวณริมถนนที่มีการจราจรหนาแน่น
- คนที่เป็นโรคหัวใจควรจะดูแลรักษาสุขภาพตนเอง พยายามหาโอกาสไปอยู่ในบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์
- งดสูบบุหรี่ โดยเฉพาะภายในบ้านและภายในอาคาร
- ภายในอาคารบ้านเรือนควรระวังการหุงต้ม การใช้เตา ตะเกียง เครื่องทำน้ำอุ่น และอุปกรณ์ทำความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงทุกชนิด ควรอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- บุคคลที่สัญจรไปมาโดยขับขี่ยานพาหนะควรหมั่นตรวจตราระบบท่อไอเสียรถยนต์ และระวังการรั่วไหลของก๊าซนี้เข้าสู่ห้องโดยสาร ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและการเกิดอันตรายจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง

ที่มา : http://aqnis.pcd.go.th/node/1917
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น